แนะนำ – ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเสริมจมูกแบบไม่ใช้ซิลิโคน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การเสริมความงามโดยไม่ต้องผ่าตัดได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก หนึ่งในนั้นคือ การเสริมจมูกแบบไม่ใช้ซิลิโคน หรือที่รู้จักกันว่า การเสริมจมูกแบบไม่ผ่าตัด หรือ การเสริมจมูกด้วยฟิลเลอร์ ซึ่งได้รับความสนใจจากทั่วโลกเพราะสะดวก เห็นผลไว และไม่ต้องพักฟื้นนาน สำหรับผู้ที่กังวลหรือไม่อยากผ่าตัดเสริมจมูกแบบดั้งเดิม วิธีนี้ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการปรับรูปทรงจมูกโดยไม่ต้องใช้ซิลิโคนหรือวางยาสลบ

จุดเด่นของวิธีนี้คือความเรียบง่าย: ฟิลเลอร์ชนิดฉีด ซึ่งมักทำจาก กรดไฮยาลูโรนิก จะถูกฉีดเข้าไปอย่างระมัดระวังเพื่อปรับแต่งรูปทรงจมูก วิธีนี้ปลอดภัย ให้ผลลัพธ์ชั่วคราวโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเย็บแผล และไม่ต้องพักฟื้นนาน ผู้เข้ารับบริการสามารถมีสันจมูกที่ตรงขึ้น ปลายจมูกเชิดขึ้น หรือปรับความสมมาตรของจมูก—all ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

แต่การเสริมจมูกแบบไม่ใช้ซิลิโคนนี้มีประสิทธิภาพจริงหรือ? และเหมาะกับทุกคนหรือไม่? บทความนี้จะพาคุณไปหาคำตอบ โดยอ้างอิงจากความรู้ทางคลินิกและการดูแลที่เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางจาก Kowon ศัลยกรรมตกแต่ง หนึ่งในคลินิกเสริมจมูกชั้นนำของเกาหลี

การเสริมจมูกแบบไม่ผ่าตัดทำงานอย่างไร?

การเสริมจมูกโดยไม่ใช้ซิลิโคนหรือวัสดุเสริม จะเป็นการฉีด ฟิลเลอร์ เข้าไปในตำแหน่งที่เหมาะสมของจมูก เพื่อปรับรูปทรง แก้ไขความไม่สมดุล หรือเพิ่มความโดดเด่นของจมูกอย่างเป็นธรรมชาติ แตกต่างจากการผ่าตัดเสริมจมูกที่ต้องปรับกระดูกและกระดูกอ่อน วิธีนี้จะใช้การ เติมปริมาตร ด้วยสารที่ปลอดภัยต่อร่างกายเท่านั้น

ฟิลเลอร์ที่นิยมใช้มากที่สุดคือ ฟิลเลอร์กลุ่มกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) เช่น Juvederm หรือ Restylane ซึ่งได้รับการรับรองจาก FDA และสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ฟิลเลอร์เหล่านี้มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มแต่คงรูป ช่วยให้แพทย์สามารถปรับแต่งสันจมูก กลบส่วนที่เป็นสันหรือรอยบุ๋ม และเพิ่มความชัดเจนของปลายจมูกได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 15 ถึง 30 นาที โดยไม่ต้องใช้ยาสลบ แพทย์จะทายาชาเฉพาะที่เพื่อความสบายของคนไข้ จากนั้นจะใช้เข็มขนาดเล็กหรือ microcannula ฉีดฟิลเลอร์อย่างแม่นยำ และอาจมีการปรับแต่งรูปทรงเล็กน้อยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ

แม้ผลลัพธ์จะไม่ถาวร แต่ การเสริมจมูกด้วยฟิลเลอร์ ก็ให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ อยู่ได้นานประมาณ 9 ถึง 18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และการเผาผลาญของแต่ละบุคคล